อายุที่มากขึ้นมักมาพร้อมกับปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมที่ยิ่งแก่ตัวมากขึ้นก็ยิ่งมีแนวโน้มที่ผมจะบางลงตามไปด้วย สำหรับอาการผมร่วงและผมบางนั้นนับเป็นปัญหาที่แทบทุกคนทั้งชายแหละหญิงต้องเผชิญเมื่อถึงวัยอันควร แต่ก็ยังมีคนวัยหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยที่ต้องพบกับอาการผมบางทั้งที่อายุยังไม่เยอะ ซึ่งมีหลายปัจจัยด้วยกันที่คนวัยหนุ่มสาวสามารถพบกับอาการผมร่วงและผมบางได้ เช่น กรรมพันธุ์จากบรรพบุรุษ, ผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรคบางประเภท, อาการเครียดสะสม, พฤติกรรมชอบดึงผมที่เป็นการแสดงออกจากอาการเครียด เป็นต้น ด้วยสาเหตุเหล่านี้จึงทำให้เกิดวิธีแก้ไขปัญหาที่นิยมกันมากที่สุดในปัจจุบันคือ “การทำศัลยกรรมปลูกผม” แล้วการปลูกผมที่ว่านี้คืออะไรแล้วทำไมคนผมบางถึงควรทำ ร่วมไขข้อสงสัยกับ 3 ข้อที่ควรรู้ไว้ก่อนเลือกทำศัลยกรรมปลูกผม ก่อนอื่นต้องขออธิบายให้เข้าใจตั้งแต่ต้นว่าการปลูกผมคืออะไร
3 ข้อหลัก ๆ ที่ควรรู้ก่อนเลือกทำศัลยกรรมปลูกผม
1 . การปลูกผมคืออะไร
การศัลยกรรมปลูกผม (Hair transplantation) คือวิธีการนำเส้นผมจากบริเวณที่มีการเจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอจำนวนหนึ่งย้ายมาปลูกในส่วนที่รูขุมขนไม่มีเส้นผมขึ้น เกิดจากการที่เส้นผมบริเวณนั้นหยุดการเจริญเติบโต เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็จะคล้ายกับการปลูกต้นไม้ในพื้นที่โล่ง โดยนำต้นกล้าหรืออาจจะเป็นต้นไม้ทั้งต้นมาปลูกลงดินบริเวณนั้น โดยบริเวณศีรษะด้านข้างและด้านหลังจะเป็นบริเวณที่นิยมย้ายเส้นผมมาปลูกบริเวณที่ไม่มีผมขึ้น เช่น ด้านหน้าที่มีการเถิดขึ้นไป ตรงกลางกระหม่อม เป็นต้น
การปลูกผมนั้นเป็นวิธีที่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยคนที่เข้าข่ายต้องได้รับการศัลยกรรมปลูกผมนั้นจะต้องเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องผมบางอย่างหนัก แบบมีแต่ขนเส้นฝอย ๆ ขึ้นมาแทนเส้นผม, คนที่มีศีรษะล้าน ไม่มีเส้นผมหรือขนใด ๆ ขึ้นเลย และคนที่มีปัญหาเรื่องหน้าผากกว้างสูงหรือเถิดขึ้นไปมากตั้งแต่เกิด ดังนั้นคนที่พึ่งเริ่มมีอาการผมร่วงหรือผมบางไม่มากยังสามารถเลือกวิธีรักษาอื่น ๆ ได้
2. การปลูกผมมี 2 ประเภท
วิธีการปลูกผมตามที่สมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (ISHRS) ได้กำหนดไว้จะมีเพียง 2 วิธีเท่านั้นคือ FUT เป็นวิธีปลูกผมด้วยการผ่าตัด และ FUE วิธีการปลูกผมด้วยการนำรากผมมาปลูก โดยรายละเอียดของทั้ง 2 วิธีมีดังนี้
- FUT (Follicular Unit Transplantation) เป็นวิธีการผ่าตัดเอาหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยมาเย็นแทนที่บริเวณหนังศีรษะที่ไม่มีผมขึ้น โดยที่ส่วนของท้ายทอยที่นำออกมานั้นจะถูกเย็บแผลติดกัน เมื่อแผลปิดสนิทอาจหลงเหลือรอยแผลเป็นแนวขวางบริเวณที่ทำการผ่าตัดได้
- FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นวิธีที่ 2 ที่ไม่มีการผ่าตัดเอาผิวหนังที่มีเส้นผมขึ้นปกติแบบวิธี FUE โดยวิธีการปลูกผมแบบ FUE จะเป็นการถอนเส้นผมทั้งรากจากบริเวณที่มีเส้นผมขึ้นตามปกติอย่างท้ายทอยหรือด้านข้าง แบ่งออกมาปลูกบริเวณที่ไม่มีเส้นผมขึ้น แต่วิธีการถอดเส้นผมนั้นจะเป็นการใช้เครื่องมือเฉพาะทางเพื่อเจาะเอาผมออกมาทีละกอง จากนั้นค่อยคัดแยกเพื่อนำไปปลูกบริเวณที่ต้องการ เป็นวิธีที่เจ็บน้อยกว่าและมีแผลเป็นน้อย ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะสูงกว่าแบบ FUT อยู่พอสมควร
3. วิธีการเตรียมตัวก่อนและหลังเข้ารับการปลูกผมที่ถูกต้อง
สำหรับการทำศัลยกรรมปลูกผมนั้นนับเป็นการผ่าตัดเล็ก ดังนั้นก่อนเข้ารับการผ่านตัดจะไม่มีการให้ดมยาสลบ มีเพียงแค่การฉีดยาและยาคลายเครียดก่อนการผ่าตัดเท่านั้น ทั้งนี้การเตรียมตัวก่อนเข้ามารับการปลูกผมควรงดการทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิดที่มีฤทธิ์เกี่ยวกับการสูบฉีดเลือดหรือทำให้เลือดออกง่ายกว่าปกติประมาณ 1-2 สัปดาห์ สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ
เมื่อการผ่าตัดเสร็จไปได้ด้วยดีก็ถึงคราวที่จะต้องดูแลหลังจากปลูกผม ในช่วยสัปดาห์แรก ๆ ควรระมัดระวังไม่ให้ศีรษะกระทบหรือทำให้เส้นผมหลุด จากนั้นประมาณสัปดาห์ที่ 3 เส้นผมที่ปลูกไว้อาจจะมีการหลุดร่วงเอง แต่จะงอกกลับขึ้นมาให้อีกครั้งแน่นอน กว่าจะใช้เวลาให้เส้นผมเจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอต้องให้เวลาประมาณ 9-12 เดือนเป็นอย่างต่ำ
สรุปข้อสำคัญที่ควรรู้การทำศัลยกรรมปลูกผม
การทำศัลยกรรมปลูกผมนั้นมักจะเป็นวิธีที่ผู้ที่มีปัญหาเรื่องผมคิดทบทวนมาอย่างดีแล้ว ว่าเส้นผมบริเวณนั้นมีปัญหาอย่างหนักเกินกว่าที่จะแก้ไขด้วยวิธีอื่นได้ โดยส่วนมากผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมีอัตราส่วนเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ซึ่งปัญหาที่พบจะเป็นอาการผมบางมากกว่าปกติ, ศีรษะล้าน และศีรษะเถิกสูง ดังนั้นการป้องกันเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเส้นผมนั้นคุณก็สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ด้วยการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอย่างเช่น การทานอาหารที่มีวิตามินแร่ธาตุมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามิน E และ B5 นำไปเป็นอาหารให้กับเส้นผม อีกทั้งยังช่วยทำต่อวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมได้ด้วย, หากเป็นคนชอบจัดแต่งทรงผมอยู่บ่อย ขอแนะนำให้มีการเว้นระยะการดัด-ยืด-ทำสี เพื่อให้เส้นผมและหนังศีรษะมีการฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างเต็มที่ และสุดท้ายควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผมและหนังศีรษะที่มีคุณภาพ มีส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้และส่งผลเสียต่อเส้นผมเพื่อให้ผมอยู่กับคุณไปอีกนาน
